วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

อุลลัมพนสูตร พระโมคคัลลานะ ช่วยแม่พ้นเปรตภูมิ

ในสมัยหนึ่งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร
เมืองสาวัตถี พระโมคคัลลานะเถระ ผู้บรรลุซึ่งธรรมบารมี ๖
มีปณิธานอันแรงกล้าปรารถนาจักทดแทนพระคุณบุพการีชน

ดังนี้แล้ว
จึงได้เพ่งมองโลกด้วยอภิญญาญาณ และแจ้งว่า
บัดนี้ผู้เป็นมารดาแห่งตนได้ไปถืออุบัติอยู่ ณ ท่ามกลางดวงวิญญาณหิวกระหาย
ไม่มีทั้งน้ำและอาหาร
ทั่วสรรพพางค์กายปรากฏเพียงหนังหุ้มกระดูก
ได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก

พระโมคคัลลานะจึงนำผลาหารบรรจุเต็มบาตรเพื่อนำไปโปรดดวงวิญญาณของมารดา
ทันทีที่นางรับบาตรไปก็ลูบคลำด้วยมืออันอ่อนแรง
มือขวากอบคำข้าวเพื่อหวังจะบริโภคแต่ในบัดดล
ยังมิทันที่อาหารจะล่วงเข้าสู่ปากของนางก็กลับกลายเป็นถ่านเพลิงเผาไหม้ทุกคราไป
ยังความสลดสังเวชแก่พระโมคคัลลานเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้แล้วพระโมคคัลลานะจึงกลับไปสู่ ณ สำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วกราบทูลถึงการณ์ทั้งปวงให้พระพุทธองค์ทรงทราบ

สมเด็จพระศาสดาได้มีพุทธดำรัสว่า.....

"ดูกรโมคคัลลานะ โดยเหตุที่มารดาของท่านสั่งสมซึ่งอกุศลกรรมเป็นเนืองนิจ
อาศัยกำลังแห่งตนแต่เพียงลำพัง
มิอาจบรรเทาอกุศลกรรมนั้นได้
ถึงแม้ว่าอำนาจแห่งความกตัญญู
ต่อบุพพการีชนของท่านจะสะเทือนถึงสวรรค์โลกมนุษย์
ปีศาจ มารร้ายหรือแม้แต่พรหมโลกและจตุโลกบาลก็ตาม

ยังมีแต่พลานุภาพแห่งที่ประชุมพระอริยสงฆ์สาวก
ผู้มาจากทิศทั้งสิบ
จึงสามารถปลดเปลื้องทุกข์แห่งมารดาท่านได้
บัดนี้พระตถาคตจักแสดงธรรมอันเป็นเครื่องปลดเปลื้อง
ความขัดข้องความทุกข์และอกุศลมูลทั้งหลาย

ลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคทรงมีดำรัสต่อพระมหาโมคคัลลานะว่า
".....ในวันเพ็ญกลางเดือนเจ็ดอันเป็นวาระแห่งวันปวารณา
ของพระสงฆ์ทั่วทั้งทศทิศ
เพื่ออานิสงค์อันพึงจักสำเร็จแก่บุพพการีชนทั่วถึง ๗ ชั่วอายุ

โมคคัลลานะ เธอจงจัดเตรียมภาชนะอันบริสุทธิ์อุดมด้วยผลาหาร
ภักษาหารทั้ง ๑๐๐ อย่าง
ผลไม้ทั้ง ๕ กับสิ่งสักการะบรรดามีประทีป
ธูปเทียนชวาลาอันเป็นเลิศทั้งปวง
ถวายแด่หมู่สงฆ์
ผู้มาจากทิศทั้ง ๑๐...."

หากสาธุชนใดพึงได้ถวายทานดั่งนี้แล้ว
แด่ที่ประชุมมหาปวารณาสงฆ์ อานิสงค์อันประมาณมิได้
ย่อมบังเกิดแด่บุพพการีชนทั้งในปัจจุบัน
ตลอดจนถึง ๗ ชั่วอายุ แม้กระทั่งผู้อยู่ในคติทั้ง ๖
(สวรรค์ มนุษย์ เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก)
ท่านเหล่านั้นจักพ้นจากทุคติภูมิได้บังเกิด
ณ สุคติภพ โภชนาหารกับทั้งพัสตราภรณ์อันปราณีต
จักบังเกิดแด่ท่านเหล่านั้น
แม้ผู้ยังชนม์อยู่ย่อมจักเป็นผู้มั่งคั่ง จักเป็นผู้มีอายุยืน

แลบัดนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพุทธบรรหารแก่หมู่พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายให้ดำรงจิตแห่งตน
มั่นคงอยู่ในสมาธิภาวะ
แล้วจึงสังวัธยายมนตร์ อุทิศให้บุพพการีชนทั้งหลาย
ครั้นแล้วหมู่สงฆ์ทั้งนั้นพึงรับมตกภัตต่อเบื้องหน้าพุทธานุสติเจดีย์ในท่ามกลางหมู่สงฆ์

ทันใดนั้นมารดาแห่งพระมหาโมคคัลลานะก็ได้พ้นจากกัลป์แห่งเปรตภูมิด้วยกุศลนั้น
พระมหาโมคคัลลานะ อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์เจ้าก็บังเกิดปิติในผลแห่งกุศลเป็นอันมาก

พระมหาโมคคัลลานะ ได้ประคองหัตถ์อัญชุลีต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า.......

" บัดนี้มารดาของข้าพระองค์ ได้รับอานิสงค์อันไม่มีประมาณ
ก็ด้วยอาศัยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย
หากในกาลภายหน้าบรรดาพุทธสาวกทั้งหลายปรารถนาจักบำเพ็ญกุศลทานอุทิศให้แก่บุพพการีชนดั่งนี้บ้าง
บรรพชนทั้งหลายกับผู้ล่วงลับทั้ง ๗ ชั่วอายุนั้น
จักได้รับอานิสงค์ดุจเช่นนี้หรือไม่พระพุทธเจ้าข้า "

พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก จึงมีพุทธดำรัสตอบว่า...

" ประเสริฐแล้วสิ่งที่เธอกล่าวนั้นชอบแล้ว
หากในภายภาคเบื้องหน้าสาธุชนทั้งหลายอันมี
ภิกษุภิกษุณี กษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์
ข้าราชบริพารทุกชนชั้นกับทั้งสามัญชนทั้งปวงปรารถนาที่จักบำเพ็ญกุศลทานอุทิศแด่บุพพการีชน
ผู้ให้กำเนิดแล้วไซร้ ในวันเพ็ญกลางเดือน ๗
อันเป็นวันมหาปวารณาสงฆ์
เธอทั้งหลายพึงถวายโภชนาหาร

กับทั้งของบริวารทั้งปวงแด่หมู่สงฆ์ผู้มาทิศทั้ง ๑๐
แล้วตั้งใจอุทิศส่วนแห่งบุญนั้น
แด่บุพพการีชนผู้ให้กำเนิดกับทั้งผู้ล่วงลับทั้ง ๗ ชั่วอายุ
ให้ได้รับอานิสงส์เขาทั้งหลายเหล่านั้น
ย่อมจักเป็นผู้พ้นจากทุคติภพ
ได้บังเกิดในท่ามกลางสุคติภูมิ
ได้เสวยผลบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

พุทธสาวกทั้งหลาย ผู้มีมนสิการมั่นคงอยู่ในกตัญญุตธรรม
ระลึกถึงคุณแห่งบุพพการีชน มีคุณบิดา มารดาเป็นต้น
ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำของเดือน ๗ ทุกปี
พึงประกอบกุศลกรรมถวาย อุลลัมพนมตกภัต
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ทั้ง ๑๐ ทิศ
เพื่อแสดงซึ่งกตัญญุตาในผู้ให้กำเนิด
แลผู้มีพระคุณที่ได้บำรุงเลี้ยงดูมา "
เมื่อได้สดับฟังพระธรรมของพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล้ว
พระมหาโมคัลลานะพร้อมด้วยพุทธบริษัท ๔
ต่างปิติยินดีในธรรม
และน้อมรับไปปฏิบัติโดยทั่วกัน

...สาธุๆๆๆ

#แชร์เป็นธรรมทาน

...........................

.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น